ปัญหาทั่วไปของสระว่ายน้ำที่พบบ่อยและวิธีการแก้ไขเบื้องต้น
การที่สภาพของน้ำในสระว่ายน้ำมีการเปลี่ยนแปลงอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ บางครั้งอาจเกิดจากลมซึ่งพัดฝุ่น เศษใบไม้ ฯลฯ ลงไปในสระ รวมถึงอนุภาคเล็ก ๆ ซึ่งอาจติดตามเท้าหรือเสื้อผ้าของผู้ใช้งาน หากพบปัญหาเกี่ยวกับสภาพของน้ำในสระ จำเป็นต้องรีบแก้ไข PoolSPT ผู้ให้บริการดูแลสระว่ายน้ำ จะชวนทุกคนมาดูกันว่าปัญหาทั่วไปของสระว่ายน้ำที่พบได้บ่อยมีอะไรบ้างและมีวิธีการแก้ไขเบื้องต้นอย่างไร
ปัญหาทั่วไปของสระว่ายน้ำที่พบได้บ่อย
1. น้ำเขียว น้ำขุ่น หรือน้ำมีสีผิดปกติ
การที่น้ำเปลี่ยนสีย่อมเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงสารประกอบในน้ำมีการเปลี่ยนแปลง โดยอาจมีสาหร่ายและแบคทีเรียอยู่ในน้ำจำนวนมากซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพ ผื่นผิวหนัง การติดเชื้อในหู และโรคทางเดินอาหารหากกลืนกินเข้าไป
- สาเหตุ : น้ำมีสีเขียวเกิดจากการเจริญเติบโตของตะไคร่และสาหร่าย ถ้าน้ำขุ่นจะเกิดจากเศษสิ่งสกปรกต่าง ๆ เช่น ใบไม้ ขยะ ฝุ่นละออง และกรณีที่น้ำมีสีผิดปกติ เช่น สีสนิม อาจมาจากการปนเปื้อนของแร่ธาตุ อาทิ เหล็ก สังกะสี
- วิธีการแก้ไขเบื้องต้น : ตรวจสอบค่าสารเคมีในน้ำ ตรวจค่าคลอรีน ตรวจสอบสภาพตัวกรอง ใช้น้ำยาควบคุมตะไคร่ หรือใช้น้ำยาเร่งตกตะกอน พร้อมกับดูดตะกอนสระน้ำอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงปรับระดับค่าสารเคมีให้กลับมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ
2. น้ำในสระว่ายน้ำมีกลิ่น
กลิ่นไม่พึงประสงค์ย่อมทำให้สระว่ายน้ำดูไม่น่าใช้งาน ลดความเพลิดเพลินและก่อผลเสียต่อสุขภาพจิตของผู้ใช้งาน ทั้งยังเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรค
- สาเหตุ : กลิ่นเหม็นเกิดจากการสะสมของแบคทีเรียและเชื้อโรค แต่กรณีที่มีกลิ่นคลอรีนแรงกว่าปกติอาจเกิดจากค่าคลอรีนในน้ำต่ำเกินไป บางครั้งอาจเกิดจากสารอินทรีย์จากผลิตภัณฑ์จำพวกเครื่องสำอางและโลชั่น
- วิธีการแก้ไขเบื้องต้น : ปรับระดับคลอรีนให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม ตรวจสอบค่า pH กำจัดสารอินทรีย์ด้วยการดูดตะกอนสระน้ำ กำจัดเศษผงและสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ในน้ำ เปิดปั๊มโดยให้น้ำมีการหมุนเวียนไหลผ่านตัวกรองด้วยระยะเวลาที่ยาวนานเพียงพอ
3. ระบบกรองน้ำเกิดการอุดตัน
ส่งผลต่อคุณภาพน้ำในทุกด้านโดยอาจทำให้น้ำขุ่นและมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ นอกจากนั้นยังทำให้ปั๊มต้องทำงานหนักขึ้นส่งผลให้เสื่อมสภาพเร็วกว่าอายุการใช้งาน
- สาเหตุ : เกิดจากการขาดการดูแลสระว่ายน้ำ ทำให้มีสิ่งสกปรก เช่น ใบไม้ กิ่งไม้ แมลง ฯลฯ สะสมอยู่ในสระเป็นจำนวนมาก
- วิธีการแก้ไขเบื้องต้น : ทำความสะอาดสระว่ายน้ำและไส้กรองเป็นประจำหรืออย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง โดยควรทำความสะอาดตามคำแนะนำในคู่มือของตัวกรองแต่ละประเภท และตรวจสอบมาตรวัดแรงดันบนตัวกรองเพื่อให้แน่ใจว่าระบบกรองน้ำทำงานเป็นปกติ
4. ค่า pH และค่าเคมีในน้ำไม่สมดุล
ส่งผลต่อประสิทธิภาพของสารเคมีในน้ำ ซึ่งจะทำให้เกิดแบคทีเรียและสาหร่ายเติบโตเร็วกว่าปกติ และส่งผลเสียอื่น ๆ ตามมา
- สาเหตุ : อาจเกิดจากการใช้สารเคมีไม่ถูกต้อง การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ การเติมน้ำในสระ เช่น มีฝนตก หรือแหล่งน้ำที่นำมาเติมในสระมีค่า pH สูงหรือต่ำตามธรรมชาติ จึงส่งผลต่อสมดุลโดยรวม
- วิธีการแก้ไขเบื้องต้น : ตรวจสอบและปรับค่า pH ใช้เคมีภัณฑ์ที่มีคุณภาพดี และทดสอบคุณภาพ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อให้ค่า pH และค่าเคมีในน้ำอยู่ในระดับมาตรฐาน
5. สระว่ายน้ำมีคราบหินปูนหรือคราบขาว
เป็นคราบที่ทำความสะอาดได้ยากซึ่งเกาะตามพื้นผิวสระว่ายน้ำ และทำให้ผิวสระเสื่อมสภาพ
- สาเหตุ : คราบหินปูนหรือคราบขาวเกิดจากตะกอนสะสมของแคลเซียม ซึ่งส่วนมีอยู่เป็นจำนวนมากในน้ำกระด้าง เมื่อค่า pH ในน้ำสูงเกินไป อาจทำให้แคลเซียมตกตะกอน รวมทั้งการที่น้ำในสระระเหยก็อาจทิ้งคราบหินปูนหรือคราบขาวไว้ได้เช่นกัน
- วิธีการแก้ไขเบื้องต้น : ลดระดับแคลเซียมในน้ำและปรับค่า pH ให้เหมาะสม ใช้สารขจัดคราบโดยเฉพาะซึ่งควรทำตามคำแนะนำของผู้ผลิตเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และการใช้แปรงขนแข็งทำความสะอาด
6. น้ำในสระรั่วซึม
ส่งผลต่อความปลอดภัยในการใช้งาน อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อโครงสร้าง รวมถึงจะทำให้ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาเพิ่มสูงขึ้น
- สาเหตุ : เกิดจากปัญหาของท่อหรือระบบกรอง รอยแตกร้าวที่ผนังหรือพื้นสระ หรือการเสื่อมสภาพของซีลยางและอุปกรณ์สระว่ายน้ำ การก่อสร้างไม่ได้มาตรฐาน ตลอดจนการยุบตัวของพื้นดิน
- วิธีการแก้ไขเบื้องต้น : ตรวจสอบและซ่อมแซมรอยรั่ว หรือจ้างผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้การซ่อมแซมรอยรั่วดำเนินการได้อย่างครบถ้วน ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ
การดูแลสระว่ายน้ำเป็นประจำและแก้ไขปัญหาในทันที ไม่ว่าจะเป็นการปรับสมดุลของสารเคมีที่เหมาะสม การบำรุงรักษาระบบกรอง ตลอดจนการดูดตะกอนสระน้ำจะช่วยให้สระว่ายน้ำอยู่ในสภาพดี น้ำใสสะอาด น่าใช้งานอยู่เสมอ นอกจากนั้นยังช่วยลดปัญหาจุกจิกกวนใจที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้อีกด้วย